หลักเมือง นครศรีธรรมราช

 | หน้าหลัก | จตุคามรามเทพ | ตำนานพระบรมธาตุศิริธัมมราช | ประวัติและการสร้างศาลหลักเมืองนครศรี | พระผงสุริยัน–จันทรา และดวงตราพญาราหุ |
| ดวงฤกษ์พิธีเททองหล่อพระบูชา 5 เศียร | คณะกรรมการศิษยานุศิษย์ | ติดต่อ |

 

เรียนรู้ บูชา พระบรมธาตุ
วิหารพระม้า
วัตถุมงคล ที่ระลึก
พระราหูคืออะไร
พระพุทธสิงหิงค์ปฎิมา
พระหลักเมืองเนื้อโลหะ
ความเป็นมาพระพังพระกาฬ
จอมนาคราชพังพระกาฬ
ความมหัศจรรย์ของหลักเมือง

จากใจผู้จัดทำ
ภาพกิจกรรมที่ผ่านมา
พระเครื่องพระสะสม

พิธีกรรมต่างๆ ในวาระการสร้างหลักเมือง นครศรีธรรมราช มีดังนี้

๑. พิธีกรรมเผาดวงชะตาเมือง กระทำที่ป่าช้าวัดชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นการล้างอาถรรพ์ดวงชะตาเมืองเดิม ซึ่งเรียกว่า ดวงราหูชิงจันทร์ หรือ ดาวพินธุบาทว์ ลักษณะดวงดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดวงภัยเล็งจุดกำเนิด วางดาวอังคารให้อยู่ในภพที่ห้า เจ้าของดวงชะตาเช่นนี้เหมือนถูกสาป อาภัพอัปภาคย์ บ้านแตกสาแหรกขาด ต้องโทษทัณฑ์ไม่หยุดหย่อน เดือนร้อนไม่มีที่สิ้นสุด บ้านเมืองเจริญอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องเสื่อมทรามตกต่ำลง การเผาดวงชะตาในครั้งนี้ ใช้ เพชญมาตฤกษ์ คือเลยเที่ยงคืนไป ๑ นาที ของปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๘

๒. พิธีลอยชะตาเมือง เพื่อทำลายดวงชะตาเมืองเดิม ทำแพจากต้นกล้วยเถื่อน (กล้วยไม้) , เก็บดิน ๔ มุมเมือง , น้ำ ๕ ท่า , ดาบเก่า ๔ เล่ม , รูปคนทำด้วยดินปั้น ๔ รูป , เสาไม้ตะเคียนทอง ๑ ต้น , พญาโหราเรียกอาถรรพณ์จัญไร บรรจุลงต้นตะเคียนทอง เสกคาถาลงยันต์ครบถ้วนแล้วนำไปลอยที่ปากน้ำปากนคร

๓. พิธีกรรมสะกดหินหลัก กระทำที่บริเวณฐานพระสยม ตลาดท่าชี ต.ในเมือง หินหลักเป็นสิ่งที่พวกพราหมณ์ดั้งเดิมฝังอาถรรพณ์เสนียดจัญไรเอาไว้ ซึ่งสร้างความวิบัติเสื่อมเสียแก่เมืองนครศรีธรรมราชตลอดมา

๔. พิธีปลุกยักษ์วัดพระบรมธาตุ ยักษ์ ๒ ตน ที่บันไดทางขึ้นองค์พระบรมธาตุ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง หลักจากถูกอาถรรพณ์สะกดมานาน นอกจากนั้นยังปลุกพระมหากัจจายนะ พระปัญญา พระพวย และเทวดาอีก ด้วย

๕. พิธีปลุกพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระทั้งสององค์สถิตอยู่ ณ หอพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งหลับใหลมานานปี ให้ตื่นขึ้นมาช่วยบ้านเมือง

๖. พิธีกรรมพลิกธรณี กระทำที่ริมรั้วป่าช้าวัดชะเมา พลิกดินที่ชั่วร้ายสกปรกฝังไว้เบื้องล่าง เอาดินดีขึ้นมาไว้เบื้องบน เพื่อบ้านเมืองจะได้ร่มเย็นเป็นสุข เจริญรุ่งเรืองต่อไปในวันข้างหน้า

๗. พิธีพรรมเทพชุมนุมตัดชัย กระทำที่วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙ เวลา ๑๒.๓๙ น. ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๗ ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู นับเป็นพิธีกรรมสำคัญยิ่งดำเนินการตามแบบอย่างของชาวเมืองสิบสองนักษัตรโบราณ จากคำบอกกล่าวของพญาหลวงเมือง การทำพิธีครั้งนั้นมี พระเทพวราภรณ์ (พระธรรมรัตโนภาส ในปัจจุบัน) เป็นประธานฝ้ายสงฆ์ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นประธารฝ่ายฆราวาส จุดมุ่งหมายของพิธีกรรมนี้นอกจากเพื่อสร้างสวัสดิมงคลแก่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการเจริญพระพุทธมนต์ และแสดงพระธรรมเทศนาของพระสงฆ์แล้ว เทวดารักษาเมืองยังมาชุมนุมเสกผ้ายันต์สิบสองนักษัตรจำนวน ๓,๐๐๐ ผืน เขียนผ้ายันต์จำนวน ๑๐๘ ผืน และประกาศบอกกล่าวแก่ผู้คนให้มาช่วยกันสร้างศาลหลักเมือง

๘. พิธีกรรมตอกหัวใจสมุทร เพื่อให้ดวงชะตาเมืองถูกบรรจุด้วยธาตุทั้ง ๔ กระทำ ณ สี่แยกคูขวาง เมื่อวันพุธที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือนยี่ เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. โดยนายอเนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยนั้น เป็นประธานแทน ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ การที่เลือกบริเวณกลางสี่แยกคูขวาง เป็นจุดตอกหัวในสมุทร เพราะจุดดังกว่าได้ศูนย์กับองค์พระธาตุ ภูเขามหาชัย และได้ศูนย์กับทิศทั้ง ๘ ตามตำราของชาวเมืองสิบสองนักษัตร

๙. พิธีฝังหัวใจเมือง กระทำเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู เวลา ๑๑.๓๙ น. ณ จุดตอกหัวใจสมุทร ด้วยการขุดหลุดลึก ๙ ศอก (ลึกจนถึงน้ำ) เจ้าพิธีอ่านโองการ อุปกรณ์พิธีกรรมฝังหัวใจเมือง ประกอบด้วยสิ่งของ ๗ ชนิด คือ หัวใจเมืองทำด้วยดินเผาผสมทรายหาดทรายแก้วจากวัดพระบรมธาตุ จำนวน ๗ ชิ้น แต่ละชิ้นกว่าง ๙ นิ้ว ยาว ๙ นิ้ว หนา ๒ นิ้ว เขียงดวงชะตาเมือง หัวใจเมืองมีอยู่ ๓ ชิ้นที่ได้นำเอาโลหะมงคล ทอง นาก เงิน (สามกษัตริย์) ปิดหน้าคั่นกลางระหว่างแผ่นหัวใจเมือง แผ่นไม้ตะเคียนทอง กว้างและยาว ๑๒ นิ้ว รองรับแผ่นหัวใจเมือง
แผ่นไม้นี้ องค์จตุคามรามเทพกรีดโลหิตเขียนคาถาอาคม หัวใจพ่อหัวใจแม่ทำจากไม้ตะเคียนทอง กลึงเป็นรูปบัวตูมยาวประมาณ ๑ ศอก จำนวน ๒ อัน ฝังลงในหลุมรวมกับแผ่นหัวใจเมือง ดินจากทุกตำบล ทุกหมู่บ้านในเมืองสิบสองนักษัตร ที่ประชาชนนำมาใส่ลงในหลุมด้วย วัตถุธาตุแทนธาตุ 4 ประกอบด้วย ถ่าน (แทนธาตุไฟ) , เกลือ (แทนธาตุน้ำ) , ข้าวเปลือก (แทนธาตุลม) , ทราย (แทนธาตุดิน) , พญาไม้มงคล ๙ ชนิด ได้แก่ ราชพฤกษ์ , ชัยพฤกษ์ , ทันเกรา , สัก , ทรงบาดาล , พยุง , ทองหลาก หรือทองหลาง , ไผ่สีสุก และขนุนทอง , ผ้าสี ๑๒ ผืน ผืนล่ะสี วางก้นหลุมเป็นลำดับแรก ทุกอย่างใส่ลงในหลุมทั้งหมด

๑๐. พิธีกรรมประติมากรรม (แกะสลัก) ได้แกะสลักหลักเมืองด้วยไม้ตะเคียนทองทั้งต้น ซึ่งได้มา จากเขายอดเหลือง ในท้องที่ตำบลกะหรอ อำเภอท่าศาลา (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอนบพิตำ) มีลักษณะแปลกคือ บริเวณรอบโคน มีลักษณะเตียนโล่ง ซึ่งเรียกว่า ลานนกหว้า หรือ ตะเคียนใบกวาด การแกะสลักทำที่บ้านพักผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนั้นคือ พ.ต.อ. สรรเพชร ธรรมาธิกุล

๑๑. พิธีเบิกเนตรหลักเมือง กระทำกันต่อเนื่องถึง ๓ วัน คือ วันที่ ๓- ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ วันที่ ๓ มีนาคม อัญเชิญหลักเมืองที่แกะสลักเรียบร้อยแล้วไปประดิษฐานที่วิหารหลวง วัด บรมธาตุหลังจากพระเถระเจริญพระพุทธมนต์ และเจ้าพิธีรำกระบี่โบราณถวายสักการะแล้วก็ เคลื่อนขบวนแห่ไปตามถนนราชดำเนิน ไปยังตลาดท่าวัง แล้ววกกลับสู่สนามหน้าเมือง อัญเชิญหลักเมืองขึ้นสู่สนามหน้าเมืองอัญเชิญหลักเมืองเมืองขึ้นสู่ที่ประดิษฐานชั่วคราวให้ ประชาชนสักการะ ขบวนช้าง – ม้า ศิลปินพื้นบ้านกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆวงดุริยางค์ และ ประชาชนจากทั่วสารทิศ ขบวนยาวประมาณ ๒ กิโลเมตร ประชาชนคอยชมขบวนมืดฟ้ามัว ดินเป็นประวัติการณ์

วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เวลา ๑๐.๓๐ น. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมารับมอบหลักเมืองเป็นของทางราชการ

วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ตอนค่ำมีพิธีสงฆ์ จากนั้นเจ้าพิธีคือ พลตำรวจตรี ขุน พันธรักษ์ราชเดช อ่านโองการเชิญเทวดา ต่อมาท่านประธาน (สัมพันธ์ ทองสมัคร) จุดเทียน ชัย เจ้าพิธีทำพิธีเบิกเนตรหลักเมืองทั้ง ๘ ทิศ อันเป็นการประจุจิตวิญญาณของเทวดารักษา เมือง เข้าไปสิงสถิตภายในเสาหลักเมือง ให้สามารถรับรู้เหตุการณ์ และคุ้มครองดูแลได้รอบ ทิศ จากนั้นมีการจุดพลุถวายสักการะ มีข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมปิดทอง สักการะ เป็นเสร็จพิธี

๑๒. พิธีการเจิมยอดชัยหลักเมือง เป็นพิธีกรรมที่สำคัญยิ่ง และถือเป็นมงคลสูงสุด คือทรงเจิมยอด ชัยหลักเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปลัดกระทรวง มหาดไทย (นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร) นำคณะอันประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด (นายอำนาวย ไทยานนท์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นาย สัมพันธ์ ทองสมัคร ) ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายกำจร สถิรกุล) เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นายอนันต์ อนันนตกูล) วุฒิสมาชิก (นายศิริชัย บุลกุล) พร้อมด้วยข้าราชการและประชาชนผู้ร่วมจัดสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท นำยอดชัยหลักเมืองเพื่อทรงเจิม ในวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ยอดชัยหลักเมืองที่ทรงเจิมในวันนั้น นอกจากของจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้วยังมีหลักเมืองจังหวัดชัยนาท และจังหวัดศรีสะเกษอีกด้วย

๑๓. พิธีแห่ยอดชัยหลักเมือง กระทำวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นการต้อนรับยอดชัยหลักเมือง ซึ่งคณะฯ โดยการนำของรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นายอำนวย ไทยานนท์) นำมาจากกรุงเทพมหานคร โดยแห่จากสนามบินกองทัพภาคที่ ๔ มายังสนามหน้าเมืองมีขบวนช้างศึก ม้าศึก และประชาชน จำนวนมาก

๑๔. พิธีอัญเชิญหลักเมืองขึ้นสู่ศาลถาวร โดยผู้ว่าราชการจังหวัด (นายนิพนธ์ บุญญภัทโร) เป็น ประธาน
๑๕. พิธีสวมยอดชัยหลักเมือง เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ โดยพลเอก สุจินดา คราบประยูร (รองผู้บัญชาการทหารบกตำแหน่งในสมัยนั้น)

๑๖. พิธีเททองปลียอดศาลหลักเมืองและศาลบริวาร เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ โดยมีนาย บัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี

ประวัติและการสร้างศาลหลักเมืองนครศรี


งื่อนไขการใช้และคำประกาศของเว็บไซต์หลักเมือง๓๐.คอม
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 : ห้ามทำการคัดลอก ดัดแปลง แก้ไขรูป หรือ ข้อความใดๆ ไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาต
สงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ โดย [นายประยงค์ - นางนวลจันทร์ เชาวิลตถวิล]